“ทางหลวง” ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีทิ้งศพไว้ในซากรถ

นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง(ทล.)เปิดเผยว่า จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ บนทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์)หมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700เมื่อวันที่9ส.ค.65และได้มีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ต่อมาพบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวนาน 12 ชมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. นั้น

จากการตรวจสอบรายละเอียดอุบัติเหตุดังกล่าวจากศูนย์บริหารจัดการจราจร (CCB)พัทยา พบว่า เมื่อเวลา07.45น. เกิดเหตุรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน2กร1787กรุงเทพมหานคร ชนกับแบริเออร์ ส่งผลให้สภาพหน้ารถและท้ายรถพังเสียหาย เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุจึงดำเนินการประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน รวม9นาย ให้รีบไปช่วยเหลือและอำนวยการจราจรบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่เดินทางถึงจุดเกิดเหตุในเวลา07.54น. และดำเนินการตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดทันที

นายธนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทั้งหมดยืนยันว่าไม่พบผู้บาดเจ็บ ญาติ หรือผู้เสียชีวิต ในบริเวณดังกล่าว และเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัย อีกทั้งหลักฐานจะถูกทำลายไปทำให้เสียรูปคดี จึงทำการเคลื่อนย้ายรถไปเก็บไว้ที่สถานีสอบสวนตำรวจเขาเขียวในเวลา09.28น. เพื่อรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้ติดตามสอบถามไปยังโรงพยาบาล กู้ภัยในพื้นที่ และญาติ แต่ไม่พบตัวผู้ขับขี่ จึงได้ดำเนินการค้นหาและตรวจสอบที่รถอีกครั้ง จนเมื่อเวลาประมาณ18.00น. พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ รอง ผกก.ส.ทล.1กก.8บก.ทล.เขาเขียว แจ้งว่า พบศพผู้เสียชีวิต คือ นายภัทรชัย อรรถพร อายุ68ปี อาศัยอยู่ที่ ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง อยู่ในสภาพแขนซ้ายและขวาหัก นอนขดตัวอยู่บริเวณเบาะคนขับ ใต้พวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างออกมาตรวจสอบ และนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อแจ้งให้ญาติทราบและทำการชันสูตรพลิกศพ

นายธนศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอชี้แจงรายละเอียดสำหรับขั้นตอนการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการจราจร (CCB)ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งเหตุผ่านวิทยุกู้ภัยประจำเขตในพื้นที่และหัวหน้าชุดเพื่อประเมินสถานการณ์ และแจ้งประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เช่น ตำรวจ รถยก กู้ชีพ เป็นต้น จากนั้นจึงแจ้งรถปฏิบัติการที่ใกล้ที่สุด ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร็ว เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบหน้างาน เช่น ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ สร้างแนววางกรวยยาง ติดสัญญาณไฟ เพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และแก้ไขปัญหารถกีดขวางการจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ แก้ไขปัญหารถกีดขวางการจราจร ตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหายเป็นต้น และหากพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงจะดำเนินการตามขอบเขตที่กำหนด และหากในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ขับขี่ แนวทางการดำเนินการ คือ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพียงภายนอก จะไม่เข้าไปในตัวรถผู้ประสบเหตุ เพื่อป้องกันการร้องเรียนกรณีทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุสูญหาย

นายธนศักดิ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทล. ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ทล. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบในรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ให้ตำรวจทางหลวงเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย และขอยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อคลี่คลายทุกประเด็นที่เป็นข้อสงสัยให้รับทราบต่อไป หากประชาชนผู้ใช้ทางพบเห็นอุบัติเหตุ ประสบอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือบนมอเตอร์เวย์ สามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 กด 7 (โทรฯ ฟรี 24 ชั่วโมง)

You May Also Like

More From Author