ยูกันดาประกาศใช้ “กฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ ที่โหดร้ายที่สุดในโลก”

โยเวรี มูเซเวนี ประธานาธิบดียูกันดา ได้ลงนามใน “กฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ ที่โหดร้ายที่สุดในโลก” ซึ่งกำหนดโทษ “ประหารชีวิต” สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศในประเทศ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเรียกเสียงประณามจากชาวยูกันดาจำนวนมาก รวมถึงความไม่พอใจจากนานาชาติ รัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวว่า รู้สึกตกใจกับร่างกฎหมายที่เลือกปฏิบัตินี้ ซึ่งจะทำลายชื่อเสียงของยูกันดา

ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ประณามการกระทำดังกล่าวว่า “น่าละอาย” และ “เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนสากลอย่างน่าเศร้า” เขายังกล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณา “คว่ำบาตรและจำกัดการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ต่อบุคคลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ยูกันดาอาจได้รับผลกระทบ

เช้าวานนี้ (29 พ.ค.) อนิตา แอนเน็ต อะมอง ประธานรัฐสภายูกันดา ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า มูเซเวนได้ลงนามยอมรับกฎหมายดังกล่าวจริง หลังผ่านการพิจารณาขั้นแรกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งมี ส.ส. เห็นชอบถึง 387 เสียงจาก 389 เสียง มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่คัดค้าน

ลูกชายนายกฯ ญี่ปุ่นลาออก เซ่นปมจัดปาร์ตี้ส่วนตัวในบ้านพักนายกฯ

พบ “วาฬเบลูกา” ที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สายลับรัสเซีย”

อีก 20 ปีข้างหน้า เราอาจมองไม่เห็นดาวบนท้องฟ้าอีกต่อไป

สำหรับตัวกฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ ของยูกันดานี้ กำหนดโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตสำหรับพฤติกรรมทางเพศต่าง ๆ ต่อเพศเดียวกัน โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีหากมีการ “หาคน โปรโมต และจัดหาทุน” สำหรับกิจกรรมของเพศเดียวกัน และใครก็ตามที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน “พยายามทำให้ปัญหาการรักร่วมเพศรุนแรงขึ้น” จะต้องเผชิญกับโทษจำคุก 14 ปี

อะมองบอกว่า “ประธานาธิบดีได้ยอมรับพระราชบัญญัติต่อต้านการรักร่วมเพศแล้ว ในฐานะรัฐสภายูกันดา เราได้ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน เราได้ออกกฎหมายเพื่อปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของครอบครัว ..คำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ. เรายืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องวัฒนธรรมของเรา”

เธอยังกล่าวขอบคุณมูเซเวนีสำหรับ “การกระทำที่แน่วแน่เพื่อประโยชน์ของยูกันดา”

 ยูกันดาประกาศใช้ “กฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ ที่โหดร้ายที่สุดในโลก”

มูเซเวนีเคยกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่า รัฐบาลของเขาพยายามต่อต้านความพยายามของตะวันตกในการทำให้ “สิ่งเบี่ยงเบน” กลายเป็น “เรื่องปกติ”

“ประเทศตะวันตกควรหยุดเสียเวลาของมนุษยชาติโดยพยายามยัดเยียดแนวการปฏิบัติให้กับคนอื่น” เขากล่าว

จากกรณีที่เกิดขึ้น องค์การสหประชาชาติระบุว่า “เรารู้สึกตกใจที่ร่างกฎหมายต่อต้าน LGBT ที่เข้มงวดและเลือกปฏิบัติ ได้กลายมาเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ นับเป็นการละเมิดสิทธิของ LGBT และประชาชนในวงกว้าง ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญและสนธิสัญญาระหว่างประเทศและจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างเร่งด่วน”

ขณะที่ อัชวานี บูดู-โชลต์ซ รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ประจำแอฟริกา กล่าวว่า “การลงนามในร่างกฎหมายต่อต้านการรักร่วมเพศของมูเซเวนีเป็นการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคมในยูกันดา ซึ่งแทนที่จะถูกจำกัด พวกเขาควรได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งต่างหาก”

ด้าน สตีเวน คาบูยี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า “การตัดสินใจของประธานาธิบดีมูเซเวนีในการลงนามกฎหมายต่อต้านการรักร่วมเพศปี 2023 เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง การกระทำนี้ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและเป็นแบบอย่างที่เป็นอันตรายสำหรับการเลือกปฏิบัติและการประหัตประหารชุมชน LGBTQ+ ในยูกันดา”

ซาราห์ คาซานเด ทนายความและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน บอกว่า “มันเป็นความคิดลม ๆ แล้ง ๆ ที่มองว่ากฎหมายปลอมสักฉบับจะสามารถลบการมีอยู่ของบุคคล LGBTQI+ ในยูกันดาได้ … ชาวเควียร์คือชาวยูกันดา พวกเขาเป็นชาวยูกันดา ไม่มีทางที่กฎโง่ ๆ จะมาเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้!”

กลุ่มผู้สนับสนุน Sexual Minorities Uganda (Smug) รายงานว่า เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มีชาว LGBTQ+ ในยูกันดาจำนวน 110 คนถูกจับกุม ถูกกระทำความความรุนแรงทางเพศ ถูกขับไล่ และถูกบังคับให้เปลื้องผ้าในที่สาธารณะ

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP

You May Also Like

More From Author